top of page
Search

คอสตาริกา: 100% ของไฟฟ้ามาจากพลังงานหมุนเวียน

ค่าไฟแพง ค่าน้ำมันแพง เป็นเรื่องที่เราพูดกันมาหลายยุคหลายสมัย และเราก็ยังคงคุยกันอยู่เช่นนั้นเรื่อยมา ราวกับว่า ไม่มีทางที่เราจะเป็นอิสระจากมันได้เลย


ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หลายประเทศทั่วโลกก็ยังพึ่งพาน้ำมัน พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งๆ ที่รู้กันดีว่า เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ่านหินเป็นเชื้อเพลงที่ก่อมลพิษสูงที่สุด และเป็นตัวปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก


แต่คุณรู้หรือไม่ ในปีที่แล้วการผลิต “ไฟฟ้า” ของคอสตาริกา 100% เป็นเวลา 300 วันมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด!!



Image Credit: http://www.solarcrunch.org/2015/12/99-of-costa-ricas-electricity-came-from.html

คอสตาริกาทำได้อย่างไร


คอสตาริกาเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเล็กๆ อยู่ตรงกลางทวีปอเมริกา มีประชากรประมาณห้าล้านคน ประเทศกำลังพัฒนาแห่งนี้ ในปัจจุบัน การผลิต “ไฟฟ้า” ของคอสตาริกา เกือบ 100% มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewal Energy) 5 แหล่ง คือ พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวมวล


ปี 2017 เป็นเวลา 300 วันที่ประเทศคอสตาริกาไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลใดๆ เพื่อผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศเลย ทำลายสถิติของตัวเองที่คอสตาริก้าใช้พลังงานหมุนเวียนทำได้ 299 วันติดต่อกันในปี 2015 และ 271 วัน ในปี 2016 นั่นนับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้น คอสตาริกาก็ยังต้องพึ่งพา “น้ำมัน” และเกือบ 70% ของการใช้พลังงานทั้งหมดยังเป็นน้ำมัน นั่นก็เพราะระบบการขนส่งคมนาคมของคอสตาริกา ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลักเหมือนในหลายประเทศ


คอสตาริกา กล้าหาญที่จะประกาศตัวขอลงเป็นผู้สมัครที่จะเป็นผู้บุกเบิกวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล


“ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นนี้จะต้องกล้าหาญอีกครั้งและยกเลิกเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อประโยชน์ของประเทศ”

ดร. โมนิก้า อารายา ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาสะอาดและนักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศพูดถึงวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ ไว้ในเวที Ted Talk ที่อยากให้โลกยึดมั่นกับการใช้พลังงานสะอาดในทุกๆ ภาคส่วน



Image Credit: https://thecostaricanews.com/

โมนิก้า อารายา ให้เหตุผลสามประการที่น่าสนใจ


ประการแรก รูปแบบการขนส่งและการกลายเป็นเมืองของเรามีปัญหามาก ดังนั้น ณ ช่วงเวลานี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการกำหนดอนาคตเมืองและการเคลื่อนไหวของเราในอนาคต เราไม่ต้องการเมืองที่สร้างขึ้นสำหรับรถยนต์ เราต้องการเมืองสำหรับคน และเราต้องการการคมนาคมขนส่งสาธารณะที่สะอาด หากเรายังคงเพิ่มยานพาหนะแบบเดิม ๆ เมืองของเราจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทนได้


ประการที่สอง เราต้องเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปนั้นไม่เพียงพอ เราต้องการการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ (transformation change)

เรากำลังพูดถึงประเทศที่ปราศจากการใช้น้ำมันและคุณไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้โดยค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยได้


ประการที่สาม คุณรู้ไหมว่าโลกนี้หิวแรงบันดาลใจ มันเป็นเรื่องของความสำเร็จของการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น คอสตาริก้าอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นเช่นเดียวกับที่เราได้ทำเมื่อปีที่แล้ว เมื่อเราเปิดเผยว่าในหลายวัน เราไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าทั้งหมดของเรา ข่าวดังกล่าวแพร่ระบาดไปทั่วโลก


คอสตาริกาเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในด้านการพัฒนา เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด โดยในทศวรรษที่ 50 คอสตาริกาเริ่มลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ และทำให้ปัจจุบันนี้คอสตาริกาไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ในขณะที่ทุกวันนี้ การกระหายเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อนำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ายังเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกำลังดิ้นรน ส่วนในทศวรรษที่ 1990 คอสตาริกาเป็นผู้บุกเบิกการชำระเงินสำหรับบริการระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem) และช่วยให้ลดการตัดไม้ทำลายป่าและเพิ่มการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ซึ่งปัจจุบันเป็นกลไกสำคัญของการเติบโต ดังนั้นการลงทุนเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของคอสตาริกา


"การลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดอกไซด์เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ในยุคของเราและคอสตาริกาต้องเป็นหนึ่งในประเทศแรกในโลกที่จะบรรลุเป้าหมายนี้" นายคาร์ลอส อัลบาโดโด ประธานาธิบดีกล่าวกับ Independent


"เรามีงานที่น่ามหัศจรรย์และสวยงามจากการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบเศรษฐกิจของเรา แล้วหันมาใช้พลังงานสะอาดและหมุนเวียนแทน" นายคาร์ลอส อัลบาโดโด กล่าวว่าประเทศจะเริ่มดำเนินการตามแผนการที่จะยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสำหรับการคมนาคมขนส่งโดยปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่ 200 ของความเป็นอิสระของคอสตาริกา


บทเรียนที่เราเรียนรู้ได้จากวิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนของคอสตาริกาน่าจะอยู่ที่ความคิดที่ว่า หากเรามีวิสัยทัศน์เพื่อเปลี่ยนแปลงระดับใหญ่ เช่นเดียวกับการเป็นอิสระจากเชื้อเพลิงน้ำมัน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปนั้นอาจจะไม่เพียงพอ เราต้องการการเปลี่ยนแปลงในระดับขนานใหญ่ (transformation change)


70 views0 comments
bottom of page